ทำความรู้จักโรคเสื่อมสมรรถภาพของผู้ชาย

โรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ หรือ โรคเสื่อมสมรรถภาพของผู้ชาย (Erectile dysfunction)

หมายถึง การที่อวัยวะเพศไม่สามารถแข็งตัวได้อย่างเพียงพอ ที่จะมีเพศสัมพันธ์ หรือบางคนอาจจะแข็งตัวได้ไม่นานพอ ทำให้มีปัญหาทางกายและจิตใจตามมา เช่น ความมั่นใจในตัวเองลดลง มีปัญหาเรื่องชีวิตคู่ หรือ ไม่มีความมั่นใจในตัวเองเวลาที่จะมีกิจกรรมทางเพศ
อุบัติการณ์ในการเกิดโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศพบมากขึ้นตามอายุ โดยพบว่าผู้ที่มีอายุ 40-49 , 50-59, 60-70 ปี จะพบโรคนี้ได้ร้อยละ 20.4, 46.3, 73.4 ตามลำดับ ซึ่งภาวะเสี่ยงในการเกิดโรค เช่น

• มีโรคประจำตัว เช่น โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคซึมเศร้า
• ดื่มสุรา สูบบุหรี่
• ขาดการออกกำลังกาย พักผ่อนไม่เพียงพอ
• เคยผ่าตัดบริเวณอุ้งเชีงกราน ผ่าตัดหลัง ผ่าตัดต่อมลูกหมาก ผ่าตัดท่อปัสสาวะ
• มีอุบัติเหตุที่กระดูกสันหลัง อุ้งเชิงกราน และที่อวัยวะเพศ
• ทานยาบางชนิด เช่น ยาโรคความดันโลหิตสูงบางตัว ยาโรคจิตเภท ยาโรคซึมเศร้า ยาต่อมลูกหมากบางตัว เป็นต้น

กลไกการแข็งตัวของอวัยวะเพศ

1. ต้องมีสิ่งเร้ากระตุ้นให้สมองหลั่งสารสื่อประสาท ไปกระตุ้นให้อวัยวะเพศหลั่งสารไนตริกออกไซด์
2. สารไนตริกออกไซด์ จะกระตุ้นให้เส้นเลือดแดงในอวัยวะเพศขยาย 2 เท่า ทำให้เลือดเข้าไปในเนื้อเยื่อของอวัยวะเพศได้
3. เมื่อเลือดเข้าไปในอวัยวะเพศ จะทำให้เนื้อเยื่ออวัยวะเพศขยายตัว และไปกดทับเส้นเลือดดำเข้ากับปลอกหุ้มอวัยวะเพศ ทำให้เลือดถูกกักเก็บในอวัยวะเพศได้ เกิดการแข็งตัวของอวัยวะเพศอย่างเต็มที่

สาเหตุของการเกิดโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ แบ่งได้เป็น 4 สาเหตุ คือ

1. ความผิดปกติที่เส้นเลือดในอวัยวะเพศ

พบได้ประมาณ ร้อยละ 70 ของผู้ป่วย และเป็นสาเหตุหลักในการเกิดโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ

• เส้นเลือดแดงที่เข้าไปเลี้ยงอวัยวะเพศอุดตัน ทำให้เลือดเข้าไปเลี้ยงอวัยวะเพศได้ไม่เพียงพอ
• ความผิดปกติกลไกของการกดทับเส้นเลือดดำ ทำให้เลือดไม่สามารถกักเก็บในอวัยวะเพศได้
• มีความผิดปกติร่วมกันระหว่างเส้นเลือดแดงอุดตัน และกลไกการกดทับเล้นเลือดดำผิดปกติ

2. ความผิดปกติที่ระบบประสาท

ผู้ป่วยอาจจะมีความผิดปกติได้ตั้งแต่ระดับสมอง ไขสันหลัง เส้นประสาทในอุ้งเชิงกราน เส้นประสาทที่อวัยวะเพศ เป็นต้น

3. ความผิดปกติของภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย

ผู้ป่วยที่มีภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย อาจจะมีอาการอื่นๆร่วมด้วย เช่น ความรู้สึกทางเพศลดลง ความต้องการทางเพศลดลง อวัยวะเพศแข็งตัวลดลงโดยเฉพาะในตอนเช้า รู้สึกไม่มีแรง อ่อนเพลีย ความตั้งใจในการทำงานลดลง หรืออาจจะพบได้ในผู้ป่วยที่มีภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนสูงหรือต่ำกว่าปกติ

4. ความผิดปกติของภาวะทางจิตใจ

ในอดีตมีความเชื่อว่า 90 % ของผู้ป่วยที่มีภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศเกิดจากภาวะทางจิตใจ แต่ปัจจุบันพบว่า เกิดจากโรคทางกายมากกว่าโรคทางจิตใจ
แต่ภาวะทางจิตใจที่ส่งผลต่อสมรรถภาพทางเพศ สามารถพบได้ในผู้ป่วยที่มีภาวะความเครียด โรคซึมเศร้า โรคจิตเภท หรืออาจจะเกิดจากยาทางด้านจิตเวชได้เช่นเดียวกัน

การตรวจและการวินิจฉัย

เมื่อผู้ป่วยมาพบแพทย์ แพทย์จะทำการซักประวัติ เรื่องลักษณะการแข็งตัว ความต้องการทางเพศ ความถี่ในการมีเพศสัมพันธ์ ประวัติการเจ็บป่วย การผ่าตัดในอดีต โรคประจำตัว และยาที่ใช้อยู่เป็นประจำ
ตรวจร่างกาย เพื่อประเมินความผิดปกติที่อวัยวะเพศ ขนาดของลูกอัณฑะ และตรวจดูต่อมลูกหมากในบางราย
การวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการ

1. แพทย์อาจจะตรวจเลือดเพื่อดูโรคประจำตัว เช่น น้ำตาลในเลือด ไขมันในเลือด การทำงานของตับและไต ตรวจคัดกรองหามะเร็งต่อมลูกหมาก และตรวจหาระดับฮอร์โมนเพศชาย ในผู้ป่วยที่มีความต้องการทางเพศลดลงด้วย
2. การตรวจหาความผิดปกติในเส้นเลือดของอวัยวะเพศ (Penile Doppler ultrasound) ซึ่งจะตรวจในผู้ป่วยบางกรณีที่มีปัญหาขั้นรุนแรง โดยเป็นการตรวจวัดการทำงานของเส้นเลือดแดง และเส้นเลือดดำในอวัยวะเพศ เพื่อหาสาเหตุและทางเลือกในการรักษาอื่นๆ